ยินดีต้อนรับ

abczaa...ความซ่า...ไม่มีขีดจำกัด...แหล่งรวมไลฟ์สไตล์อันหลากหลายของคนรุ่นใหม่ ยินดีต้อนรับทุกท่าน ขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมชม...^o^

ป้องกันตะคริวก่อนลงว่ายน้ำ

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

ตะคริว หรือ ตะคิว หมายถึง อาการหดตัวของกล้ามเนื้อและค้างอยู่ ทำให้เกิดการเจ็บปวด เคยมีข้อมูลว่าถ้าเป็นบนบก ปล่อยให้อยู่นิ่งๆ ก็จะหายไปได้เอง แต่ถ้าเป็นไปได้ควรนวดเฟ้น หรือ ทำกายบริหารขาส่วนนั้นเพื่อยืดกล้ามเนื้อ หรือใช้โยคะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวลง ก็คงจะดีกว่าอยู่เฉยๆ แล้วทนเจ็บปวดปล่อยให้หายไปเองเป็นแน่ แต่ถ้าอยู่ในน้ำหรือกำลังว่ายน้ำอยู่แล้วเกิดเป็นตะคริวขึ้นมาจะอันตรายมาก เพราะอาจทำให้จมน้ำตายได้ มีข้อมูลที่น่าสนใจอยู่ข้อมูลหนึ่ง ขอนำมาฝากไว้ วิธีป้องกันมิให้เกิดเป็นตะคริวขณะว่ายน้ำหรือเล่นน้ำอยู่นั้น เขาให้ดื่มน้ำเกลือแกง หรือเกลือในครัวนั่นแหละ เอาไปละลายน้ำให้มีรสเค็มพอประมาณ แล้วดื่มก่อนว่ายน้ำ สูตรนี้มีผู้รับรองว่าไม่เป็นตะคริวแน่นอน ไม่ทราบว่าจริงเท็จประการใด แต่ถ้าใครจะพิสูจน์ก็ระวังโรคไตกันด้วยก็ดีนะจ๊

อ่านเพิ่มเติม

คาลิล ยิบราน KHALIL GIBRAN

คาลิล ยิบราน เกิดที่ Bechari ประเทศเลบานอน ในปี ค.ศ.๑๘๘๓ ตายที่นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. ๑๙๓๑ เป็นกวี นักเขียน และศิลปินที่ได้รับสมญานามว่า "วิลเลียมเบลคแห่งศตวรรษที่ ๒๐" บิดามารดาของยิบรานเป็นผู้มีการศึกษาและวัฒนธรรมดี ตระกูลทางมารดาได้ชื่อว่าเก่งดนตรีที่สุดในหมู่บ้าน ยิบรานได้แสดงฝีมือทางวาดเขียน ก่อสร้าง ปั้น และแต่เรียงความมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่ออายุ ๘ ปี ก็สนใจและเข้าใจซาบซึ้งในงานของไมเคิล แอนเยลโลและเลโอนารโดดารวินชิ ในปี ๑๘๙๕ ครอบครัวของเขาได้เดินทางไปตั้งรกรากยังสหรัฐอเมริกา แต่เมื่ออายุได้สิบสี่ปีครึ่ง ยิบรานก็เดินทางกลับมายังเลบานอนและเข้าเรียนในสถานศึกษาภาษาอาหรับของซีเรีย ต่อมาเขาได้เดินทางไปศึกษาศิลปะกับโรแดง ( Rodin) ปฏิมากรชาวฝรั่งเศสที่ Ecole des Beaux Arts ในกรุงปารีส ในปี ค.ศ. ๑๙๑๒ ยิบรานเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาและพำนักอยู่ในกรุงนิวยอร์ค และที่นั่นเอง เขาก็ได้ริเริ่มก่อตั้งสมาคมนักเขียนชาวอาหรับ (Arabic P.E.N. Club) และได้เป็นนายกของสมาคมด้วย
งานประพันธ์ของยิบรานได้มีอิทธิพลจูงใจคนรุ่นหลังมาก ทั้งผู้ใช้ภาษาอาเรบิคในประเทศอาหรับและในอเมริกา ตลอดทั้งยุโรป เอเชีย ตั้งแต่ประเทศจีนถึงสเปน งานชิ้นแรกๆ ของยิบราน เป็นบทเขียนและบทกวีภาษาอาหรับ งานเหล่านั้นแสดงทัศนะเห็นแจ้งในธรรมะ ความงดงามในท่วงทำนอง และแนวใหม่ที่จะเข้าแก้ปัญหาของชีวิต ยิบรานเริ่มใช้ภาษาอังกฤษในการเขียนของเขาตั้งแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปี งานชิ้นที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาคือ ชิ้นที่ชื่อ "THE PROPHET" ซึ่งกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน งานชิ้นนี้ได้ถูกแปลถ่ายทอดเป็นภาษาต่างๆ ไม่น้อยกว่าสิบสามภาษา อ่านกันแพร่หลายอย่างยิ่งทั่วโลก ยิบรานได้บรรจุหลักสัจธรรมไว้ด้วยสำนวนกวีอ่านง่ายแต่ไพเราะ เข้าถึงชนทุกชั้น นับเป็นทั้งบทกวี ปรัชญาและธรรมะ พร้อมกันไปในตัว บุคคลในหลายเชื้อชาติและต่างลัทธิศาสนาจำนวนมากได้ยึดถือเอาคำสอนในงานชิ้นนี้เป็นเสมือนประทีป นำแนวทางแห่งการดำรงชีวิต ทั้งนี้เพราะสัจธรรมนั้นเป็นของกลาง แม้ว่าจะกล่าวออกมาในเปลือกหุ้มใดๆ ก็มีธรรมชาติอันแท้เป็นสมบัติของมนุษย์ทั่วไปไม่ว่าชาติ ภาษา หรือลัทธิใด ศาสนาใด
ข้าพเจ้าแปลงานชิ้นนี้เป็นภาษาไทย ตั้งแต่ราว พ.ศ. ๒๔๙๐ ได้คัดบางส่วนลงพิมพ์ในที่หลายแห่ง ต้นฉบับแปลสมบูรณ์หายไปในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๙๗ - ๘ จึงได้แปลใหม่อีกครั้งหนึ่ง ตัวอัลมุสตาฟาในเรื่องตอบปัญหาหลักธรรมถึง ๒๖ หัวข้อด้วยกัน ล้วนบรรจุข้อปรัชญาอันลึกซึ้งและไพเราะด้วยลีลากวีไว้ทั้งสิ้น ข้าพเจ้าได้พยายามถ่ายทอดความไพเราะของต้นฉบับเดิมออกมาอย่างเต็มที่แล้ว เชื่อว่าท่านที่สนใจคงจะได้รับรสและความซาบซึ้งจากฉบับแปลนี้ตามสมควร
ระวี ภาวิไล มีนาคม ๒๕๐๔

อ่านเพิ่มเติม

คิดบวก ชีวิตบวก Positive Thinking, Positive Life


ข้อคิดดีๆ เวลาเจอสิ่งต่างๆ ไม่พึงปรารถนา ให้บอกตัวเอง ดังนี้ว่า
งานหนัก คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ
ปัญหาซับซ้อน คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ
ความทุกข์หนัก คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
นายจอมละเมียด คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (perfectionist)
คำตำหนิ คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
คำนินทา คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย
ความผิดหวัง คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต
ความป่วยไข้ คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
ความพลัดพราก คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง
ลูกหัวดื้อ คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง
แฟนทิ้ง ความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ
เจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง
ภาวะหลุดจากอำนาจ คือความเป็นอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง
คนกลิ้งกะล่อน คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม
คนเลว คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์
อุบัติเหตุ คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด
ศัตรูคอยกลั่นแกล้ง คือบททดสอบที่ว่า "มารไม่มีบารมีไม่เกิด"
วิกฤต คือบทพิสูจน์สัจธรรม "ในวิกฤตย่อมมีโอกาส"
ความจน คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต
ความตาย คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์
ว. วชิระเมธี

อ่านเพิ่มเติม

สาละ

ต้นสาละ (Shorea robusta Roxb.)

สกุล (Genus) ไม้สยา (Shorea)
วงศ์ (Family) ไม้ยาง (Dipterocarpaceae)
สาละ หรือที่ชาวอินเดียเรียกว่า ซาล (Sal) เป็นไม้พื้นเมืองของอินเดีย มักขึ้นเป็นกลุ่ม ๆ ตามบริเวณที่ค่อนข้างจะชุ่มชื้น เป็นต้นไม้ขนาดกลางถึงใหญ่ ไม่ผลัดใบ เปลือกสีเทา แตกเป็นร่องเป็นสะเก็ดทั่วไป เรือนยอดเป็นพุ่มทึบรูปเจดีย์หรือรูปไข่ เรือนพุ่มประมาณ 2/3 ของความสูงของต้น ปลายกิ่งห้อยลู่ลง ใบดกหนา รูปไข่กว้าง โคนใบหยักเว้าเข้า ปลายใบหยักเป็นติ่งแหลมสั้นๆ ผิวใบเป็นมันเกลี้ยง พื้นใบมักเป็นคลื่น รูปทรงคล้ายใบรัง กิ่งอ่อนเกลี้ยง ไม่มีขน ดอกสีเหลืองอ่อน ออกดอกตามปลายกิ่งและง่ามใบ รวมกันเป็นช่อดอกสั้นๆ กลีบดอกและกลีบรองกลีบดอกมีอย่างละ 5 กลีบ ผลแข็ง มีปีก 5 ปีก ยาว 3 ปีก สั้น 2 ปีก แต่ละปีกมีเส้นตามยาวปีก 10-15 เส้น
การขยายพันธุ์
นิยมใช้เมล็ดเพาะหรือจะใช้การตอนกิ่งหรือทาบกิ่ง แต่การตอนหรือทาบกิ่งนั้นเปอร์เซ็นต์การติดน้อยมาก

การปลูกในประเทศไทย
ผู้นำเอาต้นสาละหรือต้นซาลเข้ามาปลูกในประเทศไทยส่วนใหญ่จะปลูกไว้ตามวัดต่าง ๆ เช่น วัดพระเชตุพนฯ วัดบวรนิเวศน์ฯ และที่สวนพฤกษศาตร์พุแค จังหวัดสระบุรี เป็นต้น มีประวัติการนำมาปลูกหลายครั้ง อาทิ
  • หลวงบุเรศบำรุงการนำมาถวายสมเด็จพระมหาวีรวงษ์ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน โดยทรงปลูกไว้ที่หน้าพระอุโบสถ 2 ต้น กับได้น้อมเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2510 อีก 2 ต้น ซึ่งทรงปลูกไว้ในพระตำหนักจิตรลดารโหฐาน 1 ต้น และทรงมอบให้วิทยาลัยการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรีอีก 1 ต้น
  • อาจารย์เคี้ยน เอียดแก้ว และอาจารย์เฉลิม มหิทธิกุล ได้นำต้นสาละมาปลูกไว้ในบริเวณคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ที่ค่ายพักนิสิตวนศาสตร์ สวนสักแม่หวด อำเภองาว จังหวัดลำปาง
  • พระพุทธทาสภิกขุ ปลูกไว้ที่สวนโมกข์ อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
  • และนายสวัสดิ์ นิชรัตน์ ผู้อำนวยการกองบำรุง ได้นำต้นสาละมาปลูกไว้ในสวนพฤกษศาตร์พุแค จังหวัดสระบุรี

ความเข้าใจเกี่ยวกับต้นสาละหรือซาล
ชาวไทยอาจจะยังค่อนข้างสับสนกันอยู่ เช่น เข้าใจว่าต้นสาละ เป็นต้นเดียวกันกับต้นรัง ที่มีชื่อทางพฤกษศาตร์ว่า Shorea siamensis Miq. เพราะรูปร่างและขนาด ของใบคล้ายคลึงกันมาก ประกอบกับต่างก็ชอบขึ้นเป็นหมู่ด้วยเช่นกัน แต่รังของไทยผิวใบไม่เป็นมัน พื้นผิว ค่อนข้างเรียบ บางสายพันธุ์ยังมีขนตามผิวใบ กับพอใบแก่จัดก่อนร่วงยังกลายเป็นสีแดงอิฐเสียอีกด้วยบางทีก็เข้าใจว่าต้นลูกปืนใหญ่หรือแคนนอลบอล ที่มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Couroupita guianensis Aubl. เพราะมีผู้นำต้นไม้ชนิดนี้มาจากประเทศลังกา และได้รับการบอกเล่าจากทางลังกาว่าเป็นต้นสาละ แต่พันธุ์ไม้ดังกล่าวจะมีช่อดอกออกตามลำต้น ดอกโตขนาดถ้วยแกง และมีผลกลม โต ขนาดผลส้มโอย่อมๆ

ต้นไม้ในพุทธประวัติ
สาละ หรือ ซาล เป็นไม้ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ตั้งแต่ทรงประสูติจนถึงปรินิพพาน โดยที่พุทธมารดาคือพระนางสิริมหามายา เมื่อใกล้กำหนดจะให้พระประสูติการก็เสด็จจากกรุงกบิลพัสดุ์ไป ยังกรุงเทวทหนคร อันเป็นเมืองต้นตระกูลของพระนาง (ตามธรรมเนียมพราหมณ์ ผู้หญิงเมื่อจะคลอดบุตร ต้องกลับไปคลอดที่บ้านของพ่อแม่ตน) ในระหว่างทางพระนางได้ทรงหยุดพักบริเวณป่าแห่งหนึ่ง ใต้ร่มต้นสาละ เขตตำบลลุมพินีสถาน พระนางทรงเจ็บพระครรภ์ จึงใช้ร่มของต้นสาละ ณ ที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ประสูติ
สาละ เกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัติโดยที่พระพุทธองค์ได้เสด็จไปถึงยังเมืองกุสินาราของมัลละกษัตริย์ ได้ประทับในบริเวณสาลวโณทยาน ภายใต้ร่มต้นสาละคู่หนึ่ง ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายมาก จึงรับสั่งให้พระอานนท์ ซึ่งเป็นองค์อุปัฏฐากปูลาดที่บรรทมเอนพระวรกายลงโดยหันพระเศียรไปทางทิศเหนือ แล้วเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานภายใต้ต้นสาละนั่นเอง

อ่านเพิ่มเติม

สวนแนวตั้ง VERTICAL GARDEN

Landscape รูปแบบใหม่
จากปัญหาสภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน ทำให้มีความตระหนักและตื่นตัวในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว มีการรณรงค์ให้ปลูกต้นไม้กันมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ ดูดซับ กรองฝุ่น ควัน และมลพิษต่างๆ ในอากาศ เพื่อลดอุณหภูมิความร้อนของสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย รวมทั้งเพิ่มทัศนียภาพที่สวยงามให้กับพื้นที่โดยรอบ ทำให้สวนแนวตั้ง Vertical Garden ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด

อ่านเพิ่มเติม

 
 
Copyright © abczaa...