พูดถึงความเผ็ดร้อนและสีสันจัดจ้านของอาหารจานเด็ด คงต้องยกให้พริกเป็นตัวเอกในการดำเนินเรื่อง แต่จะมีใครคาดคิดบ้างว่า ในโลกนี้นอกจากจะได้มีการศึกษาถึงเรื่องคุณค่าทางโภชนาการของพริกกันไว้แล้วยังได้มีการศึกษาถึงค่าความเผ็ดร้อนของพริกกันอีกด้วย
ในการค้นคว้าทดลองเรื่องพริกอย่างกว้างขวาง พบว่า สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว และสีอื่นๆ ที่มีอยู่มากมายถึง 20 ชนิดในพริกนั้น มีวิตามินซีในปริมาณที่สูงมาก เรียกได้ว่า มากกว่าวิตามินซีที่พบในผลส้มเสียอีก โดยในพริก 28 กรัม จะมีวิตามินซีสูงถึง 100 มิลลิกรัม และมีวิตามินเอสูง ถึง 16,000 หน่วย พริกจึงช่วยป้องกันโรคหวัด และช่วยบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในพริกยังมีสารเบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) ที่รู้กันดีว่ามีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลออาการแก่เกินวัยได้
แล้วทำไมพริกจึงเผ็ด?
หลายคนอาจจะเคยสงสัย เรื่องนี้มีคำตอบจากการค้นคว้าของนักวิทยาศาสตร์ พบว่า ในพริกมีสารเคมีชื่อ แคปไซซิน (Capsaicin) มีสูตรโมเลกุลคือ C18H27NO3 แคปไซซิน เป็นสารธรรมชาติจำพวกอัสคาลอยด์ เป็นสารที่ทำให้พริกมีรสเผ็ด และมีสรรพคุณช่วยลดน้ำมูก หรือ สารกีดขวางระบบทางเดินหายใจอันเนื่องมาจากหวัด

ผลความเผ็ดปรากฏดังนี้
อันดับที่ 1 พริกที่มีความเผ็ดที่สุดในโลก ได้แก่ พริกฮาบาเนโรแดงซาวีนา
อันดับที่ 2 พริกฮาบาเนโร
อันดับที่ 3 พริกขี้หนู พริกสก็อต บอนเนท พริกจาไมก้า
อันดับที่ 4 พริกที่มีความเผ็ดปานกลาง คือ พริกชี้ฟ้า
อันดับที่ 5 พริกที่ไม่มีความเผ็ดเลย คือ พริกหยวก พริกหวาน
เสน่ห์ของพริก นอกจากจะอยู่ที่ความเผ็ดร้อนแล้ว สิ่งที่ทำให้พืชชนิดนี้ได้รับความสนใจ ไม่แพ้เรื่องของความเผ็ด คือ คุณค่าทางโภชนาการที่นับว่าสูงขั้นเทพก็อาจกล่าวได้ พริกนอกจากจะช่วยบรรเทาอาการหวัด 
ทราบข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับพริกกันอย่างนี้แล้ว คนที่รับประทานเผ็ดเป็นประจำคงรู้สึกดีมาก แต่คนที่รับประทานเผ็ดไม่เป็นหรือไม่เก่งนี่สิ ...โถๆๆ น่าเห็นใจ... พริกให้ประโยชน์ที่สำคัญแก่ร่างกายมากมายขนาดนี้ ใครไม่ชอบรับประทานเผ็ด คงต้องตัดสินใจใหม่แล้วล่ะ!!!
1 ความคิดเห็น:
โอ้โห...ข้อมูลเพียบ!!! มีแต่เรื่องน่าอ่านทั้งนั้นเลย
แสดงความคิดเห็น