วันศุกร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
หลายคนรู้จักกันดีว่าใบเตยส่วนใหญ่นำมาใช้ทำขนมให้มีสีสันสวยสดใส หอม อร่อย น่ารับประทาน แต่คงมีน้อยคนนัก ที่จะนึกไปถึง น้ำสมุนไพรชาใบเตย
About Me
- abczaa
- เว็บบล็อกนี้ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นอีกหนึ่งแหล่งรวมเรื่องราวไลฟ์สไตล์ในหลากหลายแง่มุมของคนรุ่นใหม่ ทั้งด้านการท่องเที่ยว การพักผ่อน การตกแต่ง บ้านและสวน สุขภาพ รวมถึงเทคโนโลยี ตลอดจนแนวคิด และปรัชญาชีวิต พร้อมทั้งเรื่องราวต่างๆ หลากหลาย ที่บรรจงถ่ายทอดผ่านบทความที่น่าสนใจ ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความซ่า...ด้วยการติดตามผลงาน และร่วมเสนอแนะความคิดเห็น เป็นกำลังใจให้กัน และอย่าลืมสมัครสมาชิก พร้อมซ่า...ไปด้วยกันทุกที่กับ...abczaa...ความซ่าไม่มีขีดจำกัด
Labels
- กีฬา (3)
- แง่คิดดีๆ (5)
- ชมสวน (4)
- ชวนท่องเที่ยว (2)
- ดูแลสุขภาพ (5)
- เทคโนโลยี (3)
- บ้านสวย (1)
- เรื่องน่ารู้ (5)
- สัพเพเหระ (4)
- อาหารคุณภาพ (3)
พยากรณ์อากาศ
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อาหารคุณภาพ แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ อาหารคุณภาพ แสดงบทความทั้งหมด
คุณประโยชน์จาก น้ำมันปลา โอเมก้า-3
วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553
ใครๆ ก็ทราบว่า การรับประทานปลา มีคุณประโยชน์สูงยิ่งต่อร่างกาย แต่...น้ำมันปลา โอเมก้า-3 ที่ได้จากการรับประทานปลานั้น จะมีคุณประโยชน์มากมายขนาดไหน บทความนี้มีข้อมูลดีๆ มาฝาก (อีกแล้วครับท่าน)
เขียนโดย abczaa ที่ 00:38 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: อาหารคุณภาพ
พริก เผ็ด ร้อน Hot&Spicy
วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2552
ในปี พ.ศ. 2456 มีนักวิทยาศาสตร์ชาวเยอรมันนี ชื่อ วิลเบอร์ สโควิลล์ (Willbur Scoville) ได้ริเริ่มวัดค่าความเผ็ดของพริกเป็นคนแรก โดยใช้กลุ่มคนที่ชอบทานพริกเป็นกลุ่มทดลอง และต่อมาได้มีการพัฒนาเครื่องมือวัดค่าความเผ็ดของพริก ชื่อว่า เอช พีแอล ซี (HPLC – pressure liquild chromatography)
บำรุงสายตา และช่วยต้านอนุมูลอิสระดังที่ได้กล่าวไว้แล้ว พริกยังช่วยลดการอุดตันของเส้นเลือด ลดความดัน ช่วยป้องกันไม่ให้ตับสร้างคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี ( LDL) ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็ง ช่วยบรรเทาอาการเจ็บปวด อีกทั้งยังช่วยเสริมสร้างสุขภาพและอารมณ์ที่ดีได้อีกด้วย
พูดถึงความเผ็ดร้อนและสีสันจัดจ้านของอาหารจานเด็ด คงต้องยกให้พริกเป็นตัวเอกในการดำเนินเรื่อง แต่จะมีใครคาดคิดบ้างว่า ในโลกนี้นอกจากจะได้มีการศึกษาถึงเรื่องคุณค่าทางโภชนาการของพริกกันไว้แล้วยังได้มีการศึกษาถึงค่าความเผ็ดร้อนของพริกกันอีกด้วย
ในการค้นคว้าทดลองเรื่องพริกอย่างกว้างขวาง พบว่า สีแดง สีส้ม สีเหลือง สีเขียว และสีอื่นๆ ที่มีอยู่มากมายถึง 20 ชนิดในพริกนั้น มีวิตามินซีในปริมาณที่สูงมาก เรียกได้ว่า มากกว่าวิตามินซีที่พบในผลส้มเสียอีก โดยในพริก 28 กรัม จะมีวิตามินซีสูงถึง 100 มิลลิกรัม และมีวิตามินเอสูง ถึง 16,000 หน่วย พริกจึงช่วยป้องกันโรคหวัด และช่วยบำรุงสายตาได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ในพริกยังมีสารเบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) ที่รู้กันดีว่ามีสรรพคุณช่วยต้านอนุมูลอิสระ ชะลออาการแก่เกินวัยได้
แล้วทำไมพริกจึงเผ็ด?
หลายคนอาจจะเคยสงสัย เรื่องนี้มีคำตอบจากการค้นคว้าของนักวิทยาศาสตร์ พบว่า ในพริกมีสารเคมีชื่อ แคปไซซิน (Capsaicin) มีสูตรโมเลกุลคือ C18H27NO3 แคปไซซิน เป็นสารธรรมชาติจำพวกอัสคาลอยด์ เป็นสารที่ทำให้พริกมีรสเผ็ด และมีสรรพคุณช่วยลดน้ำมูก หรือ สารกีดขวางระบบทางเดินหายใจอันเนื่องมาจากหวัด

ผลความเผ็ดปรากฏดังนี้
อันดับที่ 1 พริกที่มีความเผ็ดที่สุดในโลก ได้แก่ พริกฮาบาเนโรแดงซาวีนา
อันดับที่ 2 พริกฮาบาเนโร
อันดับที่ 3 พริกขี้หนู พริกสก็อต บอนเนท พริกจาไมก้า
อันดับที่ 4 พริกที่มีความเผ็ดปานกลาง คือ พริกชี้ฟ้า
อันดับที่ 5 พริกที่ไม่มีความเผ็ดเลย คือ พริกหยวก พริกหวาน
เสน่ห์ของพริก นอกจากจะอยู่ที่ความเผ็ดร้อนแล้ว สิ่งที่ทำให้พืชชนิดนี้ได้รับความสนใจ ไม่แพ้เรื่องของความเผ็ด คือ คุณค่าทางโภชนาการที่นับว่าสูงขั้นเทพก็อาจกล่าวได้ พริกนอกจากจะช่วยบรรเทาอาการหวัด 
ทราบข้อมูลดีๆ เกี่ยวกับพริกกันอย่างนี้แล้ว คนที่รับประทานเผ็ดเป็นประจำคงรู้สึกดีมาก แต่คนที่รับประทานเผ็ดไม่เป็นหรือไม่เก่งนี่สิ ...โถๆๆ น่าเห็นใจ... พริกให้ประโยชน์ที่สำคัญแก่ร่างกายมากมายขนาดนี้ ใครไม่ชอบรับประทานเผ็ด คงต้องตัดสินใจใหม่แล้วล่ะ!!!
เขียนโดย abczaa ที่ 17:20 1 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: อาหารคุณภาพ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)