แม้จะเป็นหน้าหนาว แต่หนาวในเมืองแทบไม่รู้สึกว่าหนาว เลยต้องชวนกันออกไปหาที่หนาวๆ เย็นๆ อยู่กันสัก 2-3 วัน หรือเป็นอาทิตย์ก็ว่ากันไป แต่จะว่าไปแล้ว แม้จะเป็นหน้าร้อนก็หาเรื่องออกไปเที่ยวหาที่เย็นๆ ให้รู้สึกสบายกาย สบายตา สบายใจ ไม่แพ้กัน หน้าฝนก็จะเปียกแถวบ้านทำไม หาเรื่องเที่ยวสัมผัสบรรยากาศดีๆ ชวนให้มีความสุขกันอีกจนได้ สรุปไม่ว่าฤดูกาลจะผันเปลี่ยนไปเป็นเช่นไร คนรักการท่องเที่ยว ย่อมไม่พลาด ตามไปเก็บบรรยากาศมาจนได้
ทริปนี้ก่อนจะไปเที่ยวแบบแคมปิ้ง ก็ขอให้เตรียมตัว เตรียมอุปกรณ์กันไปให้พร้อมจะดีกว่า เลยไปเก็บเว็บรวบรวมสินค้าสำหรับคนแคมป์ที่มีให้ได้เลือกสรรกันอย่างจุใจเลยทีเดียว ทั้งเป้ กระเป๋า เต้นท์ ถุงนอน อุปกรณ์เครื่องใช้จำเป็นต่างๆ รวมไปทั้งการครัว เครื่องกระป๋อง และแม้แต่อาหารสำเร็จรูปที่จำเป็นต้องมี และที่สำคัญยังเป็นสินค้าเฉพาะของคนชอบเที่ยว ที่อาจต้องเป็นของใช้ง่าย พกสะดวก ถ้าหาที่ไหนไม่ค่อยได้ถูกใจ ลองแวะไปที่นี่ดู Camp Shop วิธีการจะหาซื้ออะไรก็ไปดูที่ Browse by Category แล้วเลือกหมวดหมู่สินค้าที่ต้องการ ถ้าจะกลับมาที่หน้าหลักก็เลือกที่ Camping & Backpacking ง่ายๆ แค่นี้เอง
ฤดูแห่งการท่องเที่ยวนี้ ก็ขอให้ทุกท่านเที่ยวอย่างมีความสุขสนุกสนานเบิกบานหฤทัยกันไปอย่างชนิดที่คนไม่ได้ไปอิจฉาก็แล้วกันน๊า...
About Me
- abczaa
- เว็บบล็อกนี้ จัดทำขึ้นเพื่อเป็นอีกหนึ่งแหล่งรวมเรื่องราวไลฟ์สไตล์ในหลากหลายแง่มุมของคนรุ่นใหม่ ทั้งด้านการท่องเที่ยว การพักผ่อน การตกแต่ง บ้านและสวน สุขภาพ รวมถึงเทคโนโลยี ตลอดจนแนวคิด และปรัชญาชีวิต พร้อมทั้งเรื่องราวต่างๆ หลากหลาย ที่บรรจงถ่ายทอดผ่านบทความที่น่าสนใจ ขอเชิญชวนทุกท่านร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความซ่า...ด้วยการติดตามผลงาน และร่วมเสนอแนะความคิดเห็น เป็นกำลังใจให้กัน และอย่าลืมสมัครสมาชิก พร้อมซ่า...ไปด้วยกันทุกที่กับ...abczaa...ความซ่าไม่มีขีดจำกัด
Labels
- กีฬา (3)
- แง่คิดดีๆ (5)
- ชมสวน (4)
- ชวนท่องเที่ยว (2)
- ดูแลสุขภาพ (5)
- เทคโนโลยี (3)
- บ้านสวย (1)
- เรื่องน่ารู้ (5)
- สัพเพเหระ (4)
- อาหารคุณภาพ (3)
พยากรณ์อากาศ
เตรียมตัวไปตั้งแคมป์
เขียนโดย abczaa ที่ 16:36 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ชวนท่องเที่ยว
การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หรือเชิงนิเวศ (Ecotourism)
นิยามและความหมาย

"เป็นการท่องเที่ยวรูปแบบหนึ่งที่เกี่ยวข้องกับการเดินทางไปยังแหล่งธรรมชาติ โดยไม่ให้เกิดการรบกวนหรือทำความเสียหายแก่ธรรมชาติ แต่มีวัตถุประสงค์เพื่อชื่นชม ศึกษาเรียนรู้ และเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพ พืชพรรณ และสัตว์ป่า ตลอดจนลักษณะทางวัฒนธรรมที่ปรากฏในแหล่งธรรมชาติเหล่านั้น"
Elizabeth Boo (1991)
"การท่องเที่ยวแบบอิงธรรมชาติที่เอื้อประโยชน์ต่อการอนุรักษ์ อันเนื่องมาจากการมีเงินทุนสำหรับการปกป้องดูแลรักษาพื้นที่ มีการสร้างงานให้กับชุมชนหรือท้องถิ่น พร้อมทั้งให้การศึกษา และสร้างจิตสำนึกด้านสิ่งแวดล้อม"
The Ecotourism Society (1991)
"การเดินทางไปเยือนแหล่งธรรมชาติ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการเรียนรู้ถึงวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ด้วยความระมัดระวัง ไม่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงหรือทำลายคุณค่าของระบบนิเวศ และในขณะเดียวกันก็ช่วยสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจที่ส่งผลให้การอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ เกิดประโยชน์ต่อประชาชนท้องถิ่น"

"การเดินทางท่องเที่ยวที่รับผิดชอบต่อแหล่งธรรมชาติซึ่งมีการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และทำให้ชีวิตความเป็น อยู่ของประชาชนท้องถิ่นดีขึ้น" (ปรับปรุงจากคำจำกัดความการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ของ The Ecotourism Society ให้สั้นและกระทัดรัด แต่มีความหมายสมบูรณ์มากขึ้น)
The Commonwealt Department of Tourism (1994)
"การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ คือ การท่องเที่ยวธรรมชาติที่ครอบคลุมถึงสาระด้านการศึกษา การเข้าใจธรรมชาติสิ่งแวดล้อม และการจัดการเพื่อรักษาระบบนิเวศให้ยั่งยืน คำว่า ธรรมชาติ สิ่งแวดล้อม ยังครอบคลุมถึงขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่นด้วย ส่วนคำว่าการรักษาระบบนิเวศให้ยั่งยืนนั้นหมายถึง การปันผลประโยชน์ต่างๆ กลับสู่ชุมชนท้องถิ่นและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ"
เสรี เวชบุษกร (2538)
"การท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบต่อแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติและต่อสิ่งแวดล้อมทางสังคม ซึ่งหมายรวมถึงวัฒนธรรมของชุมชนในท้องถิ่น ตลอดจนโบราณสถาน โบราณวัตถุ ที่มีอยู่ในท้องถิ่นด้วย"
เขียนโดย abczaa ที่ 01:39 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ชวนท่องเที่ยว
แนะนำ GPS & Navigation
เขียนโดย abczaa ที่ 08:00 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: เทคโนโลยี
การตกแต่งภายในบ้าน เป็นทั้งศาสตร์และศิลป์
หากใครคิดจะปลูกบ้านหรือซื้อบ้านอยู่อาศัยสักหลัง นอกจากจะต้องพิจารณาเรื่องตัวบ้านแล้ว สิ่งสำคัญที่ควรคำนึงถึงเป็นอันดับต้นๆ นั่นก็คือ การตกแต่งภายในบ้าน ให้มีความสวยงาม น่าอยู่ ถึงพร้อมด้วยอรรถประโยชน์ใช้สอยในทุกห้องทุกพื้นที่ภายในบ้าน ที่ควรตกแต่งจัดสรรให้เหมาะเจาะลงตัว แถมพกด้วยความมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวประจำบ้านนั้นๆ ได้ ก็จะยิ่งเพิ่มความเก๋ไก๋ที่นอกจากจะเป็นการตกแต่งบ้านเพื่อให้บ้านเป็นที่อยู่อาศัยที่รวมความสุขของทุกคนในบ้านได้แล้ว ยังอาจทำให้แขกไปใครมาหรือเพื่อนบ้านที่เข้ามาพบปะพูดคุยกันในบ้าน ได้มีความสุขสดชื่นไปตามๆ กันอีกด้วย
ถ้าการสร้างบ้านเป็นไปได้อย่างนั้นก็อาจเรียกได้ว่าเป็นการสร้างบ้านในฝันให้เป็นจริงได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด แต่การตกแต่งภายในบ้านเพื่อให้ได้บ้านที่ดีที่สุดนั้น คงไม่มีใครสามารถชี้ชัดบอกลงไปได้ว่าจะต้องทำอย่างไรเป็นขั้นเป็นตอนอย่างไรจึงจะเหมาะสมสำหรับทุกคนในครอบครัวแต่ละครอบครัว เพราะการตกแต่งภายในบ้านนั้น มีความพอใจ ชอบใจ ของแต่ละคนในบ้าน และแต่ละบ้าน ที่แตกต่างกันออกไป แต่สิ่งสำคัญคือ ควรมีหลักคิด หรือแนวความคิดที่เป็นไปได้และไปกันได้ หมายถึงเป็นที่ยอมรับสำหรับทุกคนในบ้าน ในเรื่องการตกแต่งแต่ละห้องทุกห้อง ที่นอกจากจะต้องคำนึงถึงเรื่องของความสวยงามและประโยชน์ใช้สอยแล้ว ควรคำนึงถึงความชอบของแต่ละบุคคลอีกด้วย เพื่อให้บ้านเป็นบ้านที่มอบความสุขกายสบายใจให้กับทุกๆ คนในบ้าน ได้พักผ่อน ได้เป็นที่อาศัยอยู่ร่วมกัน อย่างอบอุ่นและมีความสุขอย่างแท้จริง
เขียนโดย abczaa ที่ 08:03 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: บ้านสวย
เทคนิคการขับขี่รถให้ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง
ทุกวันนี้ดูท่าว่าพลังงานน้ำมันจะมีการขยับปรับราคาสูงขึ้นๆๆ อย่างต่อเนื่อง เมื่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงมีการขึ้นราคาอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดเช่นนี้ หากเราไม่สามารถหยุดหรือเลิกใช้น้ำมันได้ คงไม่มีอะไรดีไปกว่าการประหยัด เพราะเป็นการช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายให้เราได้สบายใจสบายเงินในกระเป๋ากันมากขึ้น
สุดยอดวิธีการขับขี่รถยนต์แบบประหยัดน้ำมัน สามารถทำได้ง่ายๆ ดังนี้
1. ขณะสตาร์ทรถ ไม่เปิดเครื่องปรับอากาศ ไฟหน้ารถ และเครื่องเสียง จะทำให้เครื่องยนต์ทำงานหนักขึ้น เปลืองน้ำมัน 10% ประมาณ 29%- ความเร็ว 100 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 90 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 10%- ความเร็ว 110 ก.ม./ช.ม. จะสิ้นเปลืองน้ำมั่นกว่า 90 ก.ม./ช.ม. ประมาณ 25%
เขียนโดย abczaa ที่ 07:42 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: เรื่องน่ารู้
ข้อควรพิจารณาในการจัดสวนแนวตั้ง
1. ต้องแน่ใจว่าต้นไม้ที่ใช้เป็นพืชในร่ม (Indoorplant) ชนิดที่ต้องการแสงน้อย แต่ก็ไม่ควรมืดทึบเกินไปจนแสงแดดไม่สามารถส่องผ่านได้เลย เพราะอย่างไรก็ตาม ต้นไม้ทุกชนิดยังต้องการแสงช่วยในการสังเคราะห์อาหาร
2. เลือกประเภทของไม้ที่เหมาะสมกับสถานที่ในการจัดสวนแนวตั้ง (VERTICAL GARDEN) เช่น

- Vertical Jungle ปลูกต้นไม้ให้ดกครึ้มเสมือนป่าสีเขียวอันร่มรื่นภายในบ้าน
- Cascade garden สวนน้ำตกลดหลั่นกันลงมา
- สวนแนวตั้งในบ้าน
3. สวนแนวตั้งอาจต้องการการให้น้ำที่บ่อยครั้งกว่า ซึ่งในกรณีเช่นนี้การคลุมโคนต้นให้มีความชื้นก็อาจเป็นการดูแลรักษาต้นไม้ที่ดีอีกวิธีหนึ่ง
4. พิจารณาว่าต้องการปลูกต้นไม้ที่มีความสูงในแนวตั้งมากเท่าไหร่? ความสูงของต้นไม้เมื่อโตเต็มที่มีขนาดเท่าใด หากสูงเกินไปอาจต้องใช้บันได จึงควรพิจารณาก่อนว่าสวนจะสูงแค่ไหนเมื่อทำเสร็จแล้ว? และควรวางแนวของต้นไม้ไว้กี่ลำดับชั้น? มีลูกเล่นของกระถางด้วยหรือไม่?
5. ใช้อุปกรณ์อะไรในการปลูกบ้าง? เช่น
- กระถาง (Container) ธรรมดาทั่วๆ ไป
- กระบะปลูกต้นไม้ (Planter box)
- ปลูกบนโต๊ะ (Table top Planter)
6. ศึกษาวิธีการดูแลรักษาต้นไม้ที่คิดจะปลูกในทุกขั้นตอน ด้านการเลือกปุ๋ย ใส่ปุ๋ย การกำจัดแมลงและวัชพืช การตัดแต่ง การให้น้ำ ฯลฯ
7. ควรเลือกต้นไม้ชนิดที่รู้จักดี เพราะจะช่วยให้สามารถดูแลรักษาต้นไม้นั้นๆ ด้วยตัวเองได้อย่างง่ายขึ้นและมีความสุข ไม่ใช่ปลูกแล้วต้องมานั่งกลุ้มใจในภายหลังเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรต่อไปดี
หวังว่าเคล็ดไม่ลับที่นำมาฝากนี้จะช่วยให้ทุกท่านปลูกต้นไม้และเก็บเกี่ยวความสุขสดชื่นกันได้อย่างเต็มปอด และช่วยแก้ปัญหาภาวะโลกร้อนด้วยมือเราเองได้อีกทางหนึ่งด้วย
เขียนโดย abczaa ที่ 06:40 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ชมสวน
ป้องกันตะคริวก่อนลงว่ายน้ำ
ตะคริว หรือ ตะคิว หมายถึง อาการหดตัวของกล้ามเนื้อและค้างอยู่ ทำให้เกิดการเจ็บปวด เคยมีข้อมูลว่าถ้าเป็นบนบก ปล่อยให้อยู่นิ่งๆ ก็จะหายไปได้เอง แต่ถ้าเป็นไปได้ควรนวดเฟ้น หรือ ทำกายบริหารขาส่วนนั้นเพื่อยืดกล้ามเนื้อ หรือใช้โยคะช่วยให้กล้ามเนื้อคลายตัวลง ก็คงจะดีกว่าอยู่เฉยๆ แล้วทนเจ็บปวดปล่อยให้หายไปเองเป็นแน่ แต่ถ้าอยู่ในน้ำหรือกำลังว่ายน้ำอยู่แล้วเกิดเป็นตะคริวขึ้นมาจะอันตรายมาก เพราะอาจทำให้จมน้ำตายได้ มีข้อมูลที่น่าสนใจอยู่ข้อมูลหนึ่ง ขอนำมาฝากไว้ วิธีป้องกันมิให้เกิดเป็นตะคริวขณะว่ายน้ำหรือเล่นน้ำอยู่นั้น เขาให้ดื่มน้ำเกลือแกง หรือเกลือในครัวนั่นแหละ เอาไปละลายน้ำให้มีรสเค็มพอประมาณ แล้วดื่มก่อนว่ายน้ำ สูตรนี้มีผู้รับรองว่าไม่เป็นตะคริวแน่นอน ไม่ทราบว่าจริงเท็จประการใด แต่ถ้าใครจะพิสูจน์ก็ระวังโรคไตกันด้วยก็ดีนะจ๊
ะ
เขียนโดย abczaa ที่ 08:27 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ดูแลสุขภาพ
คาลิล ยิบราน KHALIL GIBRAN
คาลิล ยิบราน เกิดที่ Bechari ประเทศเลบานอน ในปี ค.ศ.๑๘๘๓ ตายที่นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. ๑๙๓๑ เป็นกวี นักเขียน และศิลปินที่ได้รับสมญานามว่า "วิลเลียมเบลคแห่งศตวรรษที่ ๒๐" บิดามารดาของยิบรานเป็นผู้มีการศึกษาและวัฒนธรรมดี ตระกูลทางมารดาได้ชื่อว่าเก่งดนตรีที่สุดในหมู่บ้าน ยิบรานได้แสดงฝีมือทางวาดเขียน ก่อสร้าง ปั้น และแต่เรียงความมาตั้งแต่เยาว์วัย เมื่ออายุ ๘ ปี ก็สนใจและเข้าใจซาบซึ้งในงานของไมเคิล แอนเยลโลและเลโอนารโดดารวินชิ ในปี ๑๘๙๕ ครอบครัวของเขาได้เดินทางไปตั้งรกรากยังสหรัฐอเมริกา แต่เมื่ออายุได้สิบสี่ปีครึ่ง ยิบรานก็เดินทางกลับมายังเลบานอนและเข้าเรียนในสถานศึกษาภาษาอาหรับของซีเรีย ต่อมาเขาได้เดินทางไปศึกษาศิลปะกับโรแดง ( Rodin) ปฏิมากรชาวฝรั่งเศสที่ Ecole des Beaux Arts ในกรุงปารีส ในปี ค.ศ. ๑๙๑๒ ยิบรานเดินทางไปยังสหรัฐอเมริกาและพำนักอยู่ในกรุงนิวยอร์ค และที่นั่นเอง เขาก็ได้ริเริ่มก่อตั้งสมาคมนักเขียนชาวอาหรับ (Arabic P.E.N. Club) และได้เป็นนายกของสมาคมด้วย
งานประพันธ์ของยิบรานได้มีอิทธิพลจูงใจคนรุ่นหลังมาก ทั้งผู้ใช้ภาษาอาเรบิคในประเทศอาหรับและในอเมริกา ตลอดทั้งยุโรป เอเชีย ตั้งแต่ประเทศจีนถึงสเปน งานชิ้นแรกๆ ของยิบราน เป็นบทเขียนและบทกวีภาษาอาหรับ งานเหล่านั้นแสดงทัศนะเห็นแจ้งในธรรมะ ความงดงามในท่วงทำนอง และแนวใหม่ที่จะเข้าแก้ปัญหาของชีวิต ยิบรานเริ่มใช้ภาษาอังกฤษในการเขียนของเขาตั้งแต่อายุยังไม่ถึงยี่สิบปี งานชิ้นที่มีชื่อเสียงที่สุดของเขาคือ ชิ้นที่ชื่อ "THE PROPHET" ซึ่งกล่าวถึงความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์กับมนุษย์ด้วยกัน งานชิ้นนี้ได้ถูกแปลถ่ายทอดเป็นภาษาต่างๆ ไม่น้อยกว่าสิบสามภาษา อ่านกันแพร่หลายอย่างยิ่งทั่วโลก ยิบรานได้บรรจุหลักสัจธรรมไว้ด้วยสำนวนกวีอ่านง่ายแต่ไพเราะ เข้าถึงชนทุกชั้น นับเป็นทั้งบทกวี ปรัชญาและธรรมะ พร้อมกันไปในตัว บุคคลในหลายเชื้อชาติและต่างลัทธิศาสนาจำนวนมากได้ยึดถือเอาคำสอนในงานชิ้นนี้เป็นเสมือนประทีป นำแนวทางแห่งการดำรงชีวิต ทั้งนี้เพราะสัจธรรมนั้นเป็นของกลาง แม้ว่าจะกล่าวออกมาในเปลือกหุ้มใดๆ ก็มีธรรมชาติอันแท้เป็นสมบัติของมนุษย์ทั่วไปไม่ว่าชาติ ภาษา หรือลัทธิใด ศาสนาใด
ข้าพเจ้าแปลงานชิ้นนี้เป็นภาษาไทย ตั้งแต่ราว พ.ศ. ๒๔๙๐ ได้คัดบางส่วนลงพิมพ์ในที่หลายแห่ง ต้นฉบับแปลสมบูรณ์หายไปในระหว่าง พ.ศ. ๒๔๙๗ - ๘ จึงได้แปลใหม่อีกครั้งหนึ่ง ตัวอัลมุสตาฟาในเรื่องตอบปัญหาหลักธรรมถึง ๒๖ หัวข้อด้วยกัน ล้วนบรรจุข้อปรัชญาอันลึกซึ้งและไพเราะด้วยลีลากวีไว้ทั้งสิ้น ข้าพเจ้าได้พยายามถ่ายทอดความไพเราะของต้นฉบับเดิมออกมาอย่างเต็มที่แล้ว เชื่อว่าท่านที่สนใจคงจะได้รับรสและความซาบซึ้งจากฉบับแปลนี้ตามสมควร
ระวี ภาวิไล มีนาคม ๒๕๐๔
เขียนโดย abczaa ที่ 07:43 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: เรื่องน่ารู้
คิดบวก ชีวิตบวก Positive Thinking, Positive Life
ข้อคิดดีๆ เวลาเจอสิ่งต่างๆ ไม่พึงปรารถนา ให้บอกตัวเอง ดังนี้ว่า
งานหนัก คือโอกาสในการเตรียมพร้อมสู่ความเป็นมืออาชีพ
ปัญหาซับซ้อน คือบทเรียนที่จะสร้างปัญญาได้อย่างวิเศษ
ความทุกข์หนัก คือแบบฝึกหัดที่จะช่วยให้เกิดทักษะในการดำเนินชีวิต
นายจอมละเมียด คือการฝึกตนให้เป็นคนสมบูรณ์แบบ (perfectionist)
คำตำหนิ คือการชี้ขุมทรัพย์มหาสมบัติ
คำนินทา คือการสะท้อนว่าเรายังคงเป็นคนที่มีความหมาย
ความผิดหวัง คือวิธีที่ธรรมชาติกำลังสร้างภูมิคุ้มกันให้กับชีวิต
ความป่วยไข้ คือการเตือนให้เห็นคุณค่าของการรักษาสุขภาพให้ดี
ความพลัดพราก คือบทเรียนของการรู้จักหยัดยืนด้วยขาตัวเอง
ลูกหัวดื้อ คือโอกาสทองของการพิสูจน์ความเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง
แฟนทิ้ง ความเป็นอนิจจังที่ทุกชีวิตมีโอกาสพานพบ
เจอคนที่ใช่แต่เขามีคู่แล้ว คือประจักษ์พยานว่าไม่มีใครได้ทุกอย่างดั่งใจหวัง
ภาวะหลุดจากอำนาจ คือความเป็นอนัตตาของชีวิตและสรรพสิ่ง
คนกลิ้งกะล่อน คืออุทาหรณ์ของชีวิตที่ไม่น่าเจริญรอยตาม
คนเลว คือตัวอย่างของชีวิตที่ไม่พึงประสงค์
อุบัติเหตุ คือคำเตือนว่าจงอย่าประมาทซ้ำอีกเป็นอันขาด
ศัตรูคอยกลั่นแกล้ง คือบททดสอบที่ว่า "มารไม่มีบารมีไม่เกิด"
วิกฤต คือบทพิสูจน์สัจธรรม "ในวิกฤตย่อมมีโอกาส"
ความจน คือวิธีที่ธรรมชาติเปิดโอกาสให้เราได้ต่อสู้ชีวิต
ความตาย คือฉากสุดท้ายที่จะทำให้ชีวิตมีความสมบูรณ์
ว. วชิระเมธี
เขียนโดย abczaa ที่ 07:36 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: แง่คิดดีๆ
สาละ
ต้นสาละ (Shorea robusta Roxb.)
- หลวงบุเรศบำรุงการนำมาถวายสมเด็จพระมหาวีรวงษ์ วัดพระศรีมหาธาตุ บางเขน โดยทรงปลูกไว้ที่หน้าพระอุโบสถ 2 ต้น กับได้น้อมเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 2 ธันวาคม 2510 อีก 2 ต้น ซึ่งทรงปลูกไว้ในพระตำหนักจิตรลดารโ
หฐาน 1 ต้น และทรงมอบให้วิทยาลัยการเผยแพร่พระพุทธศาสนา ที่อำเภอบางละมุง จังหวัดชลบุรีอีก 1 ต้น
- อาจารย์เคี้ยน เอียดแก้ว และอาจารย์เฉลิม มหิทธิกุล ได้นำต้นสาละมาปลูกไว้ในบริเวณคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ บางเขน ที่ค่ายพักนิสิตวนศาสตร์ สวนสักแม่หวด อำเภองาว จังหวัดลำปาง
- พระพุทธทาสภิกขุ ปลูกไว้ที่สวนโมกข์ อำเภอไชยา จังหวัดสุราษฎร์ธานี
- และนายสวัสดิ์ นิชรัตน์ ผู้อำนวยการกองบำรุง ได้นำต้นสาละมาปลูกไว้ในสวนพฤกษศาตร์พุแค จังหวัดสระบุรี
ความเข้าใจเกี่ยวกับต้นสาละหรือซาล
ชาวไทยอาจจะยังค่อนข้างสับสนกันอยู่ เช่น เข้าใจว่าต้นสาละ เป็นต้นเดียวกันกับต้นรัง ที่มีชื่อทางพฤกษศาตร์ว่า Shorea siamensis Miq. เพราะรูปร่างและขนาด ของใบคล้ายคลึงกันมาก ประกอบกับต่างก็ชอบขึ้นเป็นหมู่ด้วยเช่นกัน แต่รังของไทยผิวใบไม่เป็นมัน พื้นผิว ค่อนข้างเรียบ บางสายพันธุ์ยังมีขนตามผิวใบ กับพอใบแก่จัดก่อนร่วงยังกลายเป็นสีแดงอิฐเสียอีกด้วยบางทีก็เข้าใจว่าต้นลูกปืนใหญ่หรือแคนนอลบอล ที่มีชื่อทางพฤกษศาสตร์ว่า Couroupita guianensis Aubl. เพราะมีผู้นำต้นไม้ชนิดนี้มาจากประเทศลังกา และได้รับการบอกเล่าจากทางลังกาว่าเป็นต้นสาละ แต่พันธุ์ไม้ดังกล่าวจะมีช่อดอกออกตามลำต้น ดอกโตขนาดถ้วยแกง และมีผลกลม โต ขนาดผลส้มโอย่อมๆ
ต้นไม้ในพุทธประวัติ
สาละ หรือ ซาล เป็นไม้ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธองค์ตั้งแต่ทรงประสูติจนถึงปรินิพพาน โดยที่พุทธมารดาคือพระนางสิริมหามายา เมื่อใกล้กำหนดจะให้พระประสูติการก็เสด็จจากกรุงกบิลพัสดุ์ไป ยังกรุงเทวทหนคร อันเป็นเมืองต้นตระกูลของพระนาง (ตามธรรมเนียมพราหมณ์ ผู้หญิงเมื่อจะคลอดบุตร ต้องกลับไปคลอดที่บ้านของพ่อแม่ตน) ในระหว่างทางพระนางได้ทรงหยุดพักบริเวณป่าแห่งหนึ่ง ใต้ร่มต้นสาละ เขตตำบลลุมพินีสถาน พระนางทรงเจ็บพระครรภ์ จึงใช้ร่มของต้นสาละ ณ ที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ประสูติ
สาละ เกี่ยวข้องกับพระพุทธประวัติโดยที่พระพุทธองค์ได้เสด็จไปถึงยังเมืองกุสินาราของมัลละกษัตริย์ ได้ประทับในบริเวณสาลวโณทยาน ภายใต้ร่มต้นสาละคู่หนึ่ง ทรงเหน็ดเหนื่อยพระวรกายมาก จึงรับสั่งให้พระอานนท์ ซึ่งเป็นองค์อุปัฏฐากปูลาดที่บรรทมเอนพระวรกายลงโดยหันพระเศียรไปทางทิศเหนือ แล้วเสด็จดับขันธ์สู่ปรินิพพานภายใต้ต้นสาละนั่นเอง
เขียนโดย abczaa ที่ 06:59 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ชมสวน
สวนแนวตั้ง VERTICAL GARDEN
Landscape รูปแบบใหม่
จากปัญหาสภาวะโลกร้อนในปัจจุบัน ทำให้มีความตระหนักและตื่นตัวในการเพิ่มพื้นที่สีเขียว มีการรณรงค์ให้ปลูกต้นไม้กันมากยิ่งขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มอากาศบริสุทธิ์ ดูดซับ กรองฝุ่น ควัน และมลพิษต่างๆ ในอากาศ เพื่อลดอุณหภูมิความร้อนของสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัย รวมทั้งเพิ่มทัศนียภาพที่สวยงามให้กับพื้นที่โดยรอบ ทำให้สวนแนวตั้ง Vertical Garden ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด
เขียนโดย abczaa ที่ 02:12 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ชมสวน
ลิ้นมังกร
ชื่อสามัญ Mather - in - law's Tongue
ชื่อวิทยาศาสตร์ Sancivieria.
ตระกูล AGAVACEAE
ถิ่นกำเนิด แถบทวีปยุโรปและอเมริกาเหนือ
ต้นลิ้นมังกรเป็นพืชที่ปลูกง่ายและทนทาน สามารถอยู่ในที่ร่มในบ้านได้ดี เหมาะสำหรับผู้ที่เริ่มต้นปลูกไม้ประดับในอาคาร มีพันธุ์ให้เลือกปลูกได้มากถึงประมาณ 70 ชนิด เป็นต้นไม้ที่ชาวไทยรู้จักกันดีและนิยมปลูกกันอยู่ทั่วไป พันธุ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ ลิ้นมังกรขอบใบเหลือง Sansevieria Trifasciata เนื่องจากมีสีสดใสและมีขอบใบเหลือง ทำให้ดูสวยงามกว่าพันธุ์อื่น สามารถปลูกโดยไม่ต้องใช้ดิน ชาวจีนสมัยก่อนนิยมนำมาปักหรือปลูกในแจกัน ปัจจุบันยังเป็นที่นิยมปลูกกันมากในต่างประเทศอีกด้วย
ลักษณะทั่วไป
ลิ้นมังกรเป็นพรรณไม้ ที่มีลำต้นเป็นหัวหรือเหง้าอยู่ในดิน ลำต้นมีลักษณะเป็นข้อ ๆ ส่วนใบเกิดจากหัวที่โผล่ออกมาพ้นดินเป็นกอ ใบมีลักษณะยาว 30-50 เซนติเมตร กว้างประมาณ 4-7 เซนติเมตร แข็งเป็นมัน มีปลายแหลม โค้งงอเล็กน้อย ขอบใบเรียบและมีสีเหลือง กลางใบสีเขียวอ่อน มีเส้นประสีเขียวเข้ม ก้านดอกประกอบด้วยกลุ่มดอกเป็นชั้น ๆ ดอกมีขนาดเล็ก สีขาว มีกลีบประมาณ 5 กลีบ ดอกบานเต็มที่จะมีขนาด 2 เซนติเมตร เรียงกันเป็นแนวตามชั้นของก้านดอก ขนาดใบ และสีสัน จะแตกต่างกันไปตามชนิดพันธุ์
การปลูก มี 2 วิธี
1. การปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน นิยมปลูกในแปลงปลูก หรือปลูกเป็นแนวรั้วบ้านตามแบบโบราณ ขนาดหลุมปลูก 30 x 30 x 30 เซนติเมตร ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน : อัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก
2. การปลูกเพื่อประดับภายในและภายนอกอาคาร มักปลูกในกระถาง ควรใช้กระถางทรงสูง ขนาด 10-15 นิ้ว ใช้ปุ๋ยคอก หรือ ปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 1 ผสมดินปลูก และควรเปลี่ยนกระถางทุก 1-2 ปี เพราะเนื่องจากการขยายตัวของรากและหน่อและเพื่อเปลี่ยนดินปลูกใหม่แทนดินปลูกเดิมที่เสื่อมสภาพไป
การดูแลรักษา
แสงแดด : ต้นลิ้นมังกรต้องการแสงแดดปานกลาง จนถึงแสงแดดจัด หรือกลางแจ้ง
น้ำ : ต้องการน้ำในปริมาณปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง
ดิน : ใช้ดินร่วนซุย ใส่ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/กอ ปีละ 4-5 ครั้ง
การขยายพันธุ์ : แยกหน่อหรือตัดชำใบ
โรคและแมลง : ไม่ค่อยพบโรคและแมลงที่ก่อให้เกิดปัญหา
เขียนโดย abczaa ที่ 21:00 1 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: ชมสวน